baccarat เกมไพ่บาคาร่าออนไลน์
baccarat ย้อนเวลาก่อน บาคะรา (ฝรั่งเศส: Baccarat) เป็นชื่อเรียกเกมไพ่ชนิดหนึ่ง โดยคำว่า baccarat เป็นคำภาษาฝรั่งเศส มีรากศัพท์มาจากคำว่า baccara ในภาษาอิตาลี ซึ่งมีความหมายว่า ศูนย์ โดยผู้ที่คิดค้นเกมบาคะรา ก็คือ เฟลิกซ์ ฟาลกูยเรน (Felix Falguirein) นักพนันชาวอิตาลีในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 จากนั้นถูกนำมายังฝรั่งเศสในสมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 8 (Charles VIII) กษัตริย์ของฝรั่งเศส ในระหว่างสงครามฝรั่งเศส-อิตาลี ช่วงคริสต์ศักราช 1494
Louis Philippe I
Charles VIII Ecole Francaise 16th century Musee de Conde Chantilly
นอกจากนี้ ยังมีผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มได้ให้ความเห็นว่า เนื่องจากโครงสร้างของบาคะรามีความคล้ายคลึงกับไพ่แบล็กแจ็ก (Blackjack) ของฝรั่งเศสมาก จึงสันนิษฐานได้ว่า ต้นกำเนิดการเล่นบาคะรา น่าจะพัฒนามาจากการเล่นไพ่แบล็คแจ๊คในประเทศฝรั่งเศส ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ด้วยเช่นกัน ซึ่งตรงกับสมัยของพระเจ้าหลุยส์ ฟีลิป (Louis Philippe) (ช่วงปี ค.ศ. 1793 – 1850)
เพราะการเล่นบาคาร่า เป็นเกมไพ่ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในเว็บไซต์บาคาร่าออนไลน์ ได้ลงเดิมพันด้วยจำนวนเงินเริ่มต้นเพียงหลักสิบบาท ด้วยจำนวนเท่านี้ก็สามารถลงเดิมพันได้แล้ว อีกทั้งผู้เล่นยังสามารถทราบผลการเล่นและได้รับเงินจากการชนะเดิมพันภายในเวลารวมกันทั้งหมดไม่ถึง 1 นาที ซึ่งถือว่าเร็วมากเมื่อเทียบกับเกมไพ่ชนิดอื่นอย่างเช่น โป๊กเกอร์ หรือ ดัมมี่
กติกาเบื้องต้นของบาคาร่า ก็คือ ไพ่จะแจกให้กับฝั่ง Player 2 ใบ และฝั่ง Banker อีก 2 ใบ จากนั้นจะเปิดเพื่อดูแต้มของแต่ละฝั่งและหาผู้ชนะ ซึ่งแต้มสูงสุดของเกมนี้คือ 9 แต้ม และแน่นอนว่าฝั่งไหนก็ตามที่มีไพ่ที่รวมกันได้ 9 แต้มหรือใกล้เคียงมากที่สุดก็จะมีโอกาสเป็นผู้ชนะ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่ามีหลายคนที่ยังไม่ทราบถึงวิธีการนับแต้มไพ่ในบาคาร่า ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากนั่นเอง
สำหรับการนับแต้มไพ่ในบาคาร่า จะเป็นการบวกแต้มของไพ่ 2-3 ใบที่เหมือนกับการบวกเลขทั่วไป อย่างเช่นการนำเอาเลข 9 บวกกับเลข 7 แต่จะมีความพิเศษตรงที่ผลที่ได้จะไม่ใช่ 16 แต่จะนับว่าได้ 6 แต้ม เนื่องจากวิธีเล่นบาคาร่าไม่ได้มีการนับแต้มในหลักสิบ จะนับแค่หลักหน่วยเท่านั้น
เพื่อให้แน่ใจว่า ผู้เล่นสามารถเข้าใจได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น เราจะหยิบยกตัวอย่างเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความเข้าใจให้กับผู้เล่นมือใหม่ในเกมไพ่บาคาร่า อย่างเช่น ฝั่ง Player ได้ไพ่ 8 กับ 3 เท่ากับฝั่ง Player มี 1 แต้ม หรือไพ่ฝั่ง Banker ได้ไพ่สองใบแรกคือ 8 กับ 4 แล้วเรียกไพ่ใบที่ 3 ได้ 9 (8+4+9) เท่ากับฝั่ง Banker ได้ 1 แต้ม ไม่ใช่ 21
ในส่วนของไพ่ที่เรียกว่า ไพ่สามหน้า หรือที่ในบ้านเราเรียกว่าไพ่ขอบ อย่างเช่น J Q K ไพ่เหล่านี้จะมีค่าเท่ากับ 0 แต้ม เช่นเดียวกับไพ่ 10 ที่มีค่าเท่ากับ 0 แต้มด้วยเช่นกัน เพราะว่าในเกมไพ่บาคาร่าไม่มีการนับแต้มตัวเลขในหลักสิบ ส่วนไพ่ A จะมีค่าเท่ากับ 1 แต้ม
ฝั่งที่มีแต้มมากกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ และผู้ที่เดิมพันในฝั่งนั้นไว้ก็จะได้รับเงินเดิมพันตามอัตราจ่ายที่ระบุ ดังนี้
- ฝั่ง Player หากชนะเดิมพัน แทง 1 ได้ 1
- ฝั่ง Banker หากชนะเดิมพัน แทง 1 ได้ 0.95
- ฝั่ง Tie หากชนะเดิมพัน แทง 1 ได้ 8
Tie คือผลเสมอที่ผู้เล่นสามารถลงเดิมพันได้ เพราะว่าในระหว่างการ เล่นบาคาร่า ผลเสมอนั้นเป็นผลลัพธ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน
ในการเล่นไพ่บาคาร่าจะมีการแจกไพ่ใบที่สามเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง โดยตัวเกมจะทำการแจกให้กับไพ่ในฝั่ง Player และ Banker โดยอัตโนมัติ แต่จะมีเงื่อนไขอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ไพ่ของฝั่งใดฝั่งหนึ่ง หรือทั้งสองฝั่งมีแต้มน้อยจนเกินไป หรือมีน้อยกว่า 5 แต้ม
เงื่อนไขในการแจกไพ่ใบที่สามนั้นมีอยู่ไม่กี่อย่าง ก็คือ
- หากฝั่งผู้เล่น มีแต้มไพ่สองใบแรกตั้งแต่ 0-5 ระบบจะทำการแจกไพ่ให้กับฝั่งผู้เล่น
- หากฝั่งเจ้ามือ มีแต้มไพ่สองใบแรกตั้งแต่ 0-6 ระบบจะทำการแจกไพ่ให้กับฝั่งเจ้ามือ
- หากฝั่งใดฝั่งหนึ่ง หรือทั้งสองฝั่ง มี 7 8 หรือ 9 แต้ม จะไม่มีการแจกไพ่ใบที่สาม
- หากฝั่งหนึ่งได้ 8 หรือ 9 แต้ม และอีกฝั่งนึงมี 0-6 แต้ม ฝั่งที่มีแต้มน้อยจะไม่มีสิทธิ์ได้ไพ่ใบที่สาม
โดยหลักแล้วจะมีเงื่อนไขการแจกไพ่ใบที่สามในลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม การได้แต้มไพ่สองใบแรกแล้วมี 8-9 แต้มถือเป็นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุด และมีโอกาสที่สูงมากสำหรับการชนะเดิมพันในการเล่นตานั้น
